EN

23 ธันวาคม 2558

ปี 59 บางจากฯ รุกธุรกิจครบวงจร

บางจากฯ ชูแผนธุรกิจปี 2559 เพิ่มปริมาณการกลั่น ขยายธุรกิจการตลาด ทั้งน้ำมันและธุรกิจเสริม ขยายการลงทุนธุรกิจพลังงานสีเขียวอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ก้าวสู่ผู้นำพลังงานสะอาดในอาเซียน พร้อมกำหนดแผนรองรับความเสี่ยงทางธุรกิจ ป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2559 ว่าบางจากฯ ได้วางแผนยุทธศาสตร์รองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจและแนวโน้มราคาน้ำมันไว้หลายด้าน เพื่อไม่ให้ส่งกระทบต่อผลการดำเนินงานในภาพรวม ตั้งเป้ากำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 12,600 ล้านบาท โดยเน้นการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจการกลั่น และขยายการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้รถ ตอกย้ำผู้นำพลังงานทดแทนของประเทศและอาเซียน

นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงแนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในปีหน้าว่า จะเคลื่อนไหวในกรอบที่ค่อนข้างกว้างระหว่าง 30-58 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้วยปัจจัยการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศจีน ค่าเงินสหรัฐฯ ปรับตัวแข็งขึ้น และปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 เนื่องจากราคาน้ำมันมีราคาถูกลง โรงกลั่นน้ำมันบางจากฯ จึงได้วางแผนการลงทุนระยะยาวระหว่างปี 2559-2563 โดยเพิ่มกำลังการกลั่นจากเดิม 120,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 140,000 บาร์เรลต่อวัน คาดว่าจะมีค่าการกลั่นเฉลี่ย 6-7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ด้านธุรกิจการตลาด ยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านจำนวนสถานีบริการและปริมาณการจำหน่าย พร้อมทั้งมีแผนขยายสถานีบริการขนาดใหญ่ (Flagship) เพิ่มขึ้น และพัฒนารูปแบบของสถานีบริการแบบใหม่ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นสอดคล้องในแต่ละพื้นที่ เช่น สถานีบริการบนทางหลวง สถานีบริการประเภท Truck Station สถานีบริการในต่างจังหวัด เป็นต้น เพื่อให้เป็นจุดแวะพักที่มีบริการหลากหลาย สอดรับกับ Lifestyle ใหม่ๆ ของผู้บริโภค เพื่อก้าวสู่ The Most Admired Brand ภายในปี 2563 

ส่วนธุรกิจ Non-Oil อยู่ระหว่างการพัฒนาร้านค้าสะดวกซื้อและธุรกิจด้านอาหารรูปแบบใหม่ ตามแนวคิด All In One Food Station ที่มีทั้งร้านขายอาหารสด ร้านกาแฟ และร้านอาหารปรุงสด ที่เน้นความสด สะอาด อร่อย ภายใต้แบรนด์ Lemon Kitchen, Inthanin Garden และหอมมะลิ ที่ใส่ใจด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

สำหรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ มีแผนลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนและธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ในวงเงิน 23,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนผ่านบริษัท บีซีพีจี จำกัด จำนวน 200 เมกะวัตต์ ธุรกิจผลิตไบโอดีเซล ที่มีกำลังการผลิต 810,000 ลิตรต่อวัน จากการเดินเครื่องผลิตน้ำมันไบโอดีเซล B100 แห่งที่ 2 ช่วงกลางปี 2559 อีกทั้งพัฒนาธุรกิจเอทานอลอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าลงทุน 2 โครงการมีกำลังการผลิตรวมกว่า 350,000 ลิตรต่อวัน โดยให้ความสำคัญต่อการลงทุนที่คำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม ประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว สร้างสุขให้ประชาชน ยึดหลักธรรมาภิบาลในองค์กร และมีส่วนร่วมในการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสังคมอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนพึ่งพาตนเองได้

อนึ่ง ผลการดำเนินงานในปี 2558 คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูงตลอดทั้งปี ธุรกิจตลาดที่มีปริมาณจำหน่ายสูงต่อเนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลง และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ที่อยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน ด้วยปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้