EN

06 ตุลาคม 2568

บางจากฯ ย้ำกลยุทธ์ “Accelerating Bangchak 100x” ศึกษา e-fuels เชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ญี่ปุ่น มุ่งพัฒนาพลังงานอนาคต พร้อมเสริมแกร่งธุรกิจการตลาด (Non-Oil)

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ “Accelerating Bangchak 100x: Pivoting toward Energy Security and Sustainability” ที่ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA ขึ้น 100% ภายในปี 2571 ภายใต้ 4 แกนยุทธศาสตร์สำคัญที่ได้ประกาศไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ 1) การตั้งเป้าหมายใหม่ที่ท้าทาย มุ่งผลักดันให้ EBITDA เติบโตเพิ่มขึ้น 100% ภายในปี 2571 พร้อมเสริมสร้างศักยภาพองค์กรและตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน 2) การขับเคลื่อนสู่ความมั่นคงทางพลังงานและความยั่งยืน 3) การยกระดับศักยภาพธุรกิจผ่านการปรับโครงสร้าง และ 4) การสร้างคุณค่าแก่ผู้ถือหุ้นผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนระยะ 3 ปี เพื่อเสริมความเชื่อมั่นต่อศักยภาพการเติบโตระยะยาว

เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเร่งเครื่องกลยุทธ์ดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา คณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก นำโดยนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยเทคนิคกลาง ที่เมืองโยโกฮาม่า ของ ENEOS Holdings ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เพื่อเสริมองค์ความรู้ ด้านเทคโนโลยี สร้างความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนบางจากฯ สู่ความมั่นคงทางพลังงาน ความยั่งยืน และการพัฒนาพลังงานแห่งอนาคต โดยมี ดร. ยูอิชิโร ฟูจิยาม่า Chief Technology Officer ของ ENEOS Holdings คณะผู้บริหารและทีมงานร่วมต้อนรับ

ศูนย์วิจัยเทคนิคกลางของ ENEOS ได้จัดตั้งโรงงานสาธิตผลิต e-Fuels หรือเชื้อเพลิงสังเคราะห์มาตั้งแต่ปี 2567 โดยใช้กระบวนการแปรรูปไฮโดรเจนจากการแยกโมเลกุลน้ำ และดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วผ่านกระบวนการผลิตเป็นไฮโดรคาร์บอนสังเคราะห์ ซึ่งสามารถใช้แทนน้ำมันจากฟอสซิลได้ทันที (drop-in fuels) โดยไม่ต้องเปลี่ยนเทคโนโลยีเครื่องยนต์ โครงสร้างพื้นฐาน หรือระบบนิเวศน์ใด ๆ ช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงดั้งเดิมและเป็นคำตอบในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โรงงานสาธิตนี้มีกำลังผลิตเริ่มต้น 1 บาร์เรลต่อวัน และได้รับการสนับสนุนจาก หน่วยงานวิจัยและพัฒนาของรัฐบาลญี่ปุ่น New Energy and Industrial Technology Development Organization (NEDO) ภายใต้กองทุน Green Innovation Fund โดยมีการนำผลงานไปจัดแสดงแล้วที่งาน Osaka Expo 2025

แม้โลกจะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และมีแนวโน้มใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น แต่ไฮโดรคาร์บอนจะยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเชื้อเพลิงที่อยู่ในกลุ่มโมเลกุลสะอาด (Clean Molecules) ซึ่งมีจุดเด่นด้านความหนาแน่นพลังงานสูง การขนส่งที่สะดวก และง่ายต่อการจัดเก็บ ทำให้ยัง ตอบโจทย์การใช้งานในหลายภาคส่วนของโลกยุคเปลี่ยนผ่าน โดยแนวโน้มของตลาดโลกก็สะท้อนภาพนี้อย่างชัดเจน ปัจจุบันอุตสาหกรรม e-Fuels มีมูลค่าประมาณ 11,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูลปี 2568) และคาดว่าจะขยายตัวแตะระดับเกือบ 88,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2575 ตามข้อมูลจาก Fortune Business Insights (2024)

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันมีรถยนต์กว่า 1,500 ล้านคัน วิ่งอยู่บนท้องถนนทั่วโลก การเปลี่ยนทั้งตัวรถ โครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศน์การผลิตรถ ย่อมสิ้นเปลืองมหาศาล อีกหนึ่งทางเลือกสำคัญของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน คือ e-Fuels เชื้อเพลิงสังเคราะห์จากการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) และไฮโดรเจนสะอาด ที่สามารถใช้แทนน้ำมันเชื้อเพลิงปกติได้ทันทีในเครื่องยนต์สันดาป (ICE) โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนใด ๆ บนรถยนต์ (drop-in) หรือระบบนิเวศน์ โครงสร้างพื้นฐานและไม่เพิ่มภาระการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นับเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ช่วยเร่งการก้าวสู่อนาคตพลังงานสะอาดหรือ net zero อย่างเป็นรูปธรรม

บางจากฯ ในวันนี้มีศักยภาพผลิตเชื้อเพลิงสะอาดยุคใหม่จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ครอบคลุมการเดินทางและการขนส่งทั้งทางอากาศด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ทางบกด้วย Renewable Diesel (HVO) และทางน้ำด้วย B24 Marine Biofuels เราจึงให้ความสำคัญกับการติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี e-Fuels หรือเชื้อเพลิงสังเคราะห์อย่างใกล้ชิด ในฐานะพลังงานที่เชื่อมโลกปัจจุบันกับโลกพลังงานสะอาด เป็นสะพานสู่การ เปลี่ยนผ่านที่จับต้องได้ และตอกย้ำบทบาทผู้นำพลังงานแห่งอนาคตของเรา”

นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้เยี่ยมชม ไร่ชาเขียว Matsuda-en (มัตซึดะ เอ็น) จังหวัดชิซุโอกะ แหล่งผลิตมัตจะคุณภาพสูง ซึ่งอินทนิล แบรนด์เครื่องดื่มภายใต้การบริหารของบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด (BCR) บริษัทในกลุ่มบริษัทบางจาก ได้นำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในเมนูมัตจะหลากหลายชนิด เพื่อส่งมอบรสชาติและคุณภาพต้นตำรับจากญี่ปุ่นให้แก่ลูกค้า ไร่ชาดังกล่าวดำเนินกิจการโดย มิสเตอร์สึโยมิ มัตซึดะ ผู้ผลิตชาญี่ปุ่นที่มีประวัติยาวนานกว่า 150 ปี เริ่มส่งออกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ปัจจุบันจำหน่ายไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก และได้รับรางวัลอันทรงเกียรติหลายรายการ รวมถึง รางวัลถ้วยจักรพรรดิ (The Emperor’s Cup) ด้วยการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้ชาเขียวญี่ปุ่นของ Matsuda-en เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ในขณะเดียวกัน BCR ยังมุ่งมั่นพัฒนาและส่งเสริมกาแฟไทย ผ่านเมนูพิเศษ “กาแฟพ่อหลวง Single Origin” จากดอยแม่สลอง ซึ่งใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าคุณภาพสูงจากโครงการในพระราชดำริ รวมถึงเครื่องดื่มคุณภาพอื่น ๆ จากวัตถุกดิบที่ได้รับการคัดสรรอย่างดีที่สุด การผสมผสานระหว่างวัตถุดิบต่างประเทศระดับโลกและผลผลิตคุณภาพสูงของไทย สะท้อนทิศทางการพัฒนาธุรกิจ Non-Oil ของบางจากฯ ที่ให้ความสำคัญกับ คุณภาพ ความหลากหลาย และความยั่งยืน พร้อมยกระดับมาตรฐานสู่ระดับสากล เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างสมดุลของกลุ่มบริษัทบางจาก