EN

22 สิงหาคม 2568

“บุญจักษุ”

การให้เพียงหนึ่งครั้ง มีความหมายต่อหลายชีวิต

ในประเทศไทย ยังมีผู้ป่วยที่สูญเสียการมองเห็นและรอคอยการปลูกถ่ายกระจกตากว่า 12,000 ราย และในแต่ละปีมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นราว 3,000 ราย ขณะที่จำนวนผู้บริจาคดวงตายังมีไม่เพียงพอ ทำให้ต้องรอคิวนาน 3–5 ปี ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยจึงร่วมกับภาคเอกชน รวมถึงกลุ่มบริษัทบางจาก จัดแคมเปญ “บุญจักษุ” (บุน-ยะ-จัก-ษุ) พลังแห่งการให้..สู่ตาสดใสของผู้รับ เพื่อสร้างความเข้าใจและกระตุ้น การบริจาคดวงตาในสังคมไทย

ช่องว่างระหว่าง “ผู้ป่วย” กับ “ผู้บริจาค”

รศ.พิเศษ พญ.สมพร จันทรา จักษุแพทย์ หัวหน้างานกระจกตา กลุ่มงานจักษุวิทยา โรงพยาบาลราชวิถี ได้เล่าถึงปัญหานี้ผ่านเวทีเสวนา “พลังแห่งการให้..สู่ตาสดใสของผู้รับ” ในงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “บุญจักษุ” ซึ่งจัดโดยศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า กลุ่มคนที่แสดงความจำนงบริจาคดวงตาส่วนใหญ่ในประเทศไทย เป็นกลุ่มคนอายุน้อย ซึ่งยังต้องใช้เวลารออีกนานกว่าจะถึงขั้นตอนบริจาคจริง ดวงตาที่ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยได้รับส่วนใหญ่ จึงมาจากกลุ่มผู้บริจาคที่เสียชีวิตหรือกำลังจะเสียชีวิตในโรงพยาบาล ซึ่งบางแห่งมีการ แนะนำญาติผู้ป่วยใกล้เสียชีวิตให้ทราบถึงโอกาสในการบริจาคดวงตา แต่ผู้บริจาคที่ได้จากช่องทางนี้ยังมีสัดส่วนน้อยมาก ไม่ถึง 1% ของผู้เสีย ชีวิตทั้งหมด

ในขณะที่ในสหรัฐอเมริกานั้น มีระบบการบริจาคดวงตาที่มีความเข้มแข็ง ทำให้ปัจจุบันจำนวนผู้รอรับกระจกตาแทบเป็นศูนย์ และสามารถ เข้ารับการปลูกถ่ายได้แทบจะทันที

“หมอหวังว่าเราจะสร้างระบบการรับบริจาคดวงตาที่แข็งแกร่งได้ในประเทศไทย และมีผู้บริจาคดวงตามากพอ ๆ กับผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วย ไม่ต้องรอนาน และได้รับแสงสว่างกลับคืนมาอีกครั้งค่ะ” รศ.พิเศษ พญ.สมพร กล่าว

รศ.พิเศษ พญ.สมพร จันทรา จักษุแพทย์ หัวหน้างานกระจกตา กลุ่มงานจักษุวิทยา โรงพยาบาลราชวิถี
คุณณภัทร เมธีพินิจ

‘บริจาคดวงตา’ การให้ ที่มอบชีวิตใหม่ให้ผู้รับ

คุณณภัทร เมธีพินิจ ได้เล่าถึงความรู้สึกในฐานะผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตาว่า “ทุกวันนี้หนูตั้งใจใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้ จากที่เคยออกกำลังกายไม่ได้ ตอนนี้เริ่มออกกำลังกายได้แล้ว และไปพบจักษุแพทย์ตามนัดตลอด เพราะเมื่อได้รับกระจกตามาแล้ว ต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุดค่ะ”

เธอขอบคุณผู้บริจาคที่ทำให้ได้กลับมามองเห็นและได้ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไป ได้ทำกิจกรรม พบเจอผู้คน และเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง พร้อมหวังว่าความรู้สึกขอบคุณนี้จะส่งถึงครอบครัวผู้ให้

ดวงตา 1 คู่ อาจช่วย 6 ชีวิตได้มองเห็น

หลายคนอาจไม่รู้ว่าการบริจาคดวงตา 1 ข้าง สามารถช่วยคนได้มากกว่า 1 คน เพราะปัจจุบันกระจกตาสามารถตัดแยกเป็นชั้นหน้าและชั้นหลัง ให้ผู้ป่วย 2 คน และส่วนของเนื้อเยื่อขอบกระจกตายังมีสเต็มเซลล์ ที่สามารถนำไปเพาะและนำไปปลูกถ่ายให้กับผู้ที่มีภาวะสเต็มเซลล์กระจกตา บกพร่อง และส่วนของตาขาวยังสามารถนำไปใช้กับผู้ป่วยที่ต้องการความแข็งแรงของดวงตาก่อนได้รับกระจกตา

คุณกัณฐณัฏฐ์ ไวยฉาย

การให้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่

คุณกัณฐณัฏฐ์ ไวยฉาย บุตรสาวผู้บริจาคดวงตารายหนึ่ง กล่าวว่า “คุณแม่ทำเรื่องบริจาคอวัยวะไว้นานแล้ว เมื่อถึงเวลา ได้รับการติดต่อจากสภากาชาดไทย เราก็ตอบไปทันทีว่าไม่ติดขัด เพราะนี่คือความตั้งใจของท่าน ในตอนที่เรามีชีวิตอยู่ จะบริจาคเป็นเงินหรือทรัพย์สินก็ได้ แต่เมื่อจากไป ร่างกายยังมอบประโยชน์และเป็นแสงสว่างให้ผู้อื่นได้ ถือเป็นบุญที่สูงที่สุดค่ะ” คุณกัณฐณัฏฐ์กล่าว

รศ.พิเศษ พญ.สมพร กล่าวเสริมว่า ในฐานะจักษุแพทย์ที่ได้เห็นทั้งความซาบซึ้งของผู้ที่ได้รับ และความสูญเสียของครอบครัวผู้ให้ ทุกครั้งที่มี ใครสักคนกลับมามองเห็นได้ ย่อมหมายถึงมีใครอีกคนมอบสิ่งล้ำค่านี้ไว้ก่อนจากไป ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่แสดงเจตจำนงตั้งแต่สุขภาพแข็งแรง หรือผู้ป่วยที่รู้ว่ามีเวลาอีกไม่นาน และอยากจะให้เป็นครั้งสุดท้าย “หมอจึงอยากเชิญทุกคนที่มีความตั้งใจบริจาคดวงตามาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของการให้ที่ยิ่งใหญ่เพื่อมอบโอกาสให้หลายชีวิตได้กลับมามองเห็นอีกครั้งค่ะ”

กลุ่มบริษัทบางจาก ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อแสงสว่าง

ตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทบางจากให้ความสำคัญกับการแบ่งปัน พร้อมสนับสนุนการส่งต่อความดีในหลากหลายรูปแบบ ทั้งด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต จึงขอเชิญชวน ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อแสงสว่างให้กับผู้ป่วย โดยสามารถ แสดงความจำนงบริจาคดวงตา ผ่านเว็บไซต์ของสภากาชาดไทย แอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” และศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย

เพราะหนึ่งครั้งของการให้... คือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่สำหรับอีกหลายคน