19 กันยายน 2568
TECHBITE ENERGY
เวทีแห่งโอกาส สานฝันสตาร์ทอัพไทยสู่โลกยั่งยืน
ทุกวันนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างพยายามคิดค้นนวัตกรรมเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันสตาร์ทอัพจำนวนไม่น้อยก็ตั้งเป้า สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์การเดินหน้าสู่ความยั่งยืน
ทว่าการผลักดันไอเดียและเป้าหมายเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้จริงและประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเป็นที่มาของTECHBITE ENERGY by Bangchak Group & KX โครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้านพลังงานและความยั่งยืน ที่เกิดจากความร่วมมือของกลุ่มบริษัทบางจากและ KX Knowledge Xchange ศูนย์นวัตกรรมแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุร เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งนวัตกรรมด้านพลังงานที่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำให้จับต้องได้จริง

พัฒนา Tech Start Up ให้ต่อยอดได้จริง
TECHBITE ENERGY เกิดจากความตั้งใจที่จะสร้างเวทีเพื่อผลักดันสตาร์ทอัพไทย ให้พัฒนาโซลูชัน หรือการแก้ปัญหาที่มีอยู่จริงในตลาด ที่สามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม โดยโครงการใช้เกณฑ์คัดเลือกที่ชัดเจน 3 ด้าน ได้แก่
- ศักยภาพของเทคโนโลยีและนวัตกรรม
- ความสอดคล้องกับโจทย์ของอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม
- ความพร้อมของทีมสตาร์ทอัพในการพัฒนาและต่อยอด โดยมีบางจากฯ
ในฐานะองค์กรที่มีระบบนิเวศขนาดใหญ่ครอบคลุมด้านพลังงาน เทคโนโลยี และความยั่งยืน ร่วมกับ KX Knowledge Xchange ที่มีบทบาทสำคัญในการเป็น Hub หรือศูนย์กลางการพัฒนาสตาร์ทอัพสายเทคโนโลยี เชื่อมต่อองค์ความรู้ทางวิชาการ เข้ากับการปฏิบัติจริงของหน่วยงานเอกชน เพื่อยกระดับศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยให้สร้างผลลัพธ์ได้จริงและตอบโจทย์องค์กรขนาดใหญ่


สร้างโอกาส เร่งนวัตกรรม
ดร.ภัทรชาติ โกมลกิติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำนักเคเอกซ์ (KX Knowledge Xchange) เล่าว่า หัวใจสำคัญของ TECHBITE ENERGY คือการสร้างการเชื่อมต่อ (Connectivity) และการนำไปทดลองใช้จริง (Pilot Implementation) เพราะสตาร์ทอัพไม่ได้ต้องการเพียงการให้คำปรึกษา แต่ยังต้องการโอกาสในการพิสูจน์และต่อยอดโซลูชัน กับภาค อุตสาหกรรม นำไปสู่การเร่งรัด (Accelerate) โซลูชันให้เข้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว โครงการนี้มีเป้าหมายสร้างสมดุล ระหว่างการพัฒนา โมเดลธุรกิจใหม่กับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยเน้นการลดคาร์บอน ส่งเสริมพลังงานสะอาด และยกระดับสตาร์ทอัพไทยสู่ตลาดโลก
แลกเปลี่ยน เรียนรู้ และเติบโตไปด้วยกัน
ดร.ภัทรชาติ เสริมว่า การพัฒนาสตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีต้องอาศัยเวลา และการลงทุนใน Cutting Edge Technology ที่ซับซ้อน รวมถึงกระบวนการการขอใบอนุญาตต่าง ๆ ทำให้ในช่วง 3–5 ปีแรกอาจยังไม่เห็นผลกระทบโดยตรงจากการนำนวัตกรรมสู่ตลาดทันที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้รวดเร็วคือการปรับกรอบความคิดและความเข้าใจของธุรกิจในการรับมือกับ disruption หรือการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ซึ่งองค์กรขนาดใหญ่สามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปต่อยอดแผนกลยุทธ์ ขณะที่สตาร์ทอัพที่ได้เข้าร่วมโครงการกับองค์กรอย่างบางจากฯ ซึ่งมีระบบนิเวศที่เข้มแข็ง จะได้ทั้งโอกาส ประสบการณ์จริง และองค์ความรู้ที่ช่วยยกระดับการเติบโตสู่ความยั่งยืนได้อย่างรวดเร็ว


เตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
แนวทางหลักของ TECHBITE ENERGYครอบคลุมประเด็นเร่งด่วนที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ได้แก่ Decarbonization (การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) Alternative Fuels (เชื้อเพลิงทางเลือก) Innovative Materials (นวัตกรรมวัสดุ) ตลอดจน Waste To Value Innovations (การเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ให้มีคุณค่า) ซึ่งล้วนเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและ สอดคล้องกับกฎระเบียบสากล ขณะเดียวกัน Digital Transformation จะเป็นตัวเร่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านได้รวดเร็วและวัดผลได้ชัดเจน



ผลักดันสตาร์ทอัพไทยสู่ระดับสากล
“TECHBITE ENERGY ถือเป็นเวทีแห่งโอกาส ที่ทำให้สตาร์ทอัพไทยได้พิสูจน์และยกระดับโซลูชันด้านพลังงานสะอาด และความยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างงานและเศรษฐกิจใหม่ ผลักดันให้สตาร์ทอัพไทย มีศักยภาพแข่งขันในระดับสากล เป็นตัวอย่างที่ดีให้หน่วยงานอื่น ทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนภาคการศึกษา ให้ร่วมมือกันขับเคลื่อนสตาร์ทอัพไทย พร้อมผลักดันระบบนิเวศของสตาร์ทอัพให้มีการเติบโต สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีต่อไป” ดร.ภัทรชาติ กล่าว
TECHBITE ENERGY คือเวทีแห่งโอกาส ที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพไทยได้พิสูจน์และยกระดับโซลูชันด้านพลังงานสะอาดและความยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างงานและเศรษฐกิจใหม่ พร้อมก้าวสู่เวทีสากล