EN

18 กุมภาพันธ์ 2565

เรือศรีธารารักษ์ 8

กับภารกิจดูแลผืนน้ำ สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม

ศรีธารารักษ์ 8 คือชื่อเรือขจัดคราบน้ำมันของบางจากฯ ซึ่งประจำอยู่ที่ท่าเรือบางจาก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปฏิบัติหน้าที่ดูแลสิ่งแวดล้อมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงปากร่องน้ำมานานกว่า 3 ปีแล้ว มีการซ้อมแผนงานบนเรือตามสถานการณ์จำลองในระดับที่ต่างกันไปอยู่เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจได้เสมอว่าเรือจะสามารถปฏิบัติภารกิจขจัดคราบน้ำมันและภารกิจอื่น ๆ เมื่อได้รับการร้องขอได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” ยรรยง ประกอบธรรม พนักงานของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังถึงหนึ่งในภารกิจการปฏิบัติงานที่เกี่ยวเนื่องกับเรือลำสีขาวเด่นริมแม่น้ำพระยาลำนี้

ด้วยแนวทางดำเนินการธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่บางจากฯ ยึดมั่นมาโดยตลอด เรือขจัดคราบน้ำมันลำนี้จึงเป็นอีกหนึ่งในหัวใจสำคัญในการช่วยดูแลแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสายหลักของประเทศไทย จากที่การปฏิบัติงานของบางจากฯ มีการรับ-จ่ายน้ำมันทางเรือบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา บริษัทฯ จึงจัดให้มีเรือ “ศรีธารารักษ์ 8” ประจำที่ท่าเรือโรงกลั่นบางจาก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและการดูแลสิ่งแวดล้อมให้แก่ชุมชนในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงปากร่องน้ำ ในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจำเป็นต้องมีการดูแลจัดการ อีกทั้งพร้อมให้การช่วยเหลือสนับสนุนการจัดเก็บคราบน้ำมันของภาครัฐและกลุ่มสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน หรือ Oil Industry Environmental Safety Group Association (IESG) ซึ่งบางจากฯ เป็นสมาชิกอยู่ รวมถึงการสนับสนุนเหตุอุทกภัยหรือเหตุอื่น ๆ เมื่อได้รับการร้องขออีกด้วย

จุดเด่นของ เรือศรีธารารักษ์ 8 คือ ระบบจัดเก็บคราบน้ำมันติดตั้งข้างเรือพร้อมใช้งาน สามารถออกเก็บคราบน้ำมันได้เพียงลำเดียวโดยไม่ต้องพึ่งพาเรือลำอื่น ๆ และปฏิบัติงานได้ครบวงจร

เรือศรีธารารักษ์ 8 เป็นเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขตใช้สนับสนุนกิจการนอกชายฝั่ง ประจำการอยู่ที่ท่าโรงกลั่นบางจาก มีความยาว 25 เมตร กว้าง 6 เมตร ใช้จำนวนคนประจำเรือ 3 คน และรองรับผู้โดยสารได้ 25 คน มีความเร็วเรือ 15 น็อต ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2560 โดยบริษัท เอ ซี เอส มารีน จำกัด และมีพิธีเปิดใช้งานเรือครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ซึ่งเป็นปีที่ตรงกับการฉลอง 35 ปีของการก่อตั้งบริษัทบางจากฯ

จุดเด่นของ เรือศรีธารารักษ์ 8 ลำนี้ คือ ระบบจัดเก็บคราบน้ำมันติดตั้งข้างเรือพร้อมใช้งาน สามารถออกเก็บคราบน้ำมันได้เพียงลำเดียวโดยไม่ต้องพึ่งพาเรือลำอื่น ๆ และปฏิบัติงานได้ครบวงจร เพราะมีอุปกรณ์ประจำเรือที่ครอบคลุมทั้งการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน กักคราบน้ำมัน พร้อมดูดเก็บคราบน้ำมัน ซึ่งสามารถดูดเก็บคราบน้ำมันได้ 10,000 ลิตรต่อเที่ยว โดยในเรือมีการติดตั้งอุปกรณ์สำคัญประจำเรือ ประกอบด้วย Side Collecting Boom ช่วยกักคราบน้ำมันด้านข้างเรือ Belt Skimmer ชุดดูดเก็บคราบน้ำมันติดตั้งด้านข้างเรือ และถังบรรจุน้ำยาขจัดคราบที่บรรจุได้สูงถึง 1,000 ลิตร เรือสามารถกักเก็บคราบน้ำมันได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องรอปฏิบัติการร่วมกับเรือลำอื่น ๆ เหมือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีระบบดับเพลิงประจำบนเรือเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งมีห้องประชุมภายในเรือที่สะดวกต่อการวางแผนดำเนินการตามภารกิจของเจ้าหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนหนึ่งของทีมบางจากฯ กับภารกิจร่วมบรรเทาผลกระทบเหตุน้ำมันรั่วไหลบริเวณมาบตาพุด

เรือศรีธารารักษ์ 8 เรียกได้ว่าเป็นเรือลักษณะนี้เพียงลำเดียวในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงถูกออกแบบให้มีอุปกรณ์ครบสมบูรณ์ มีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระต่าง ๆ สำหรับใช้ปฏิบัติภารกิจเป็นของตัวเองและจัดการเองได้หมด เรียกได้ว่าสมกับการเป็นเรือขจัดคราบน้ำมันอย่างแท้จริง

ไม่เพียงแต่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์แรกเริ่มเพื่อการดูแลสิ่งแวดล้อม สร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนเจ้าพระยาแล้ว เรือขจัดคราบน้ำมัน ศรีธารารักษ์ 8 ยังพร้อมให้การสนับสนุนภาครัฐและในกลุ่มสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน หรือ IESG อีกด้วย

โดยเรือศรีธารารักษ์ 8 ได้รับการซ่อมบำรุงตามวาระ และเข้าร่วมการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินต่อเนื่องเป็นประจำตามข้อกำหนดของหน่วยงานภาครัฐ นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจพื้นที่สำคัญหรือที่เรียกว่า Sensitive Area ที่กำหนดไว้ว่าต้องทำทุก ๆ 2 ปี เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลด้านผลกระทบ และเพื่อป้องกัน รับมือแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที เป็นต้น

เรือศรีธารารักษ์ 8 ขณะปฏิบัติงานล่าสุด เมื่อปลายเดือนมกราคม ที่ จ.ระยอง

นอกจากภารกิจหน้าที่ประจำในแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้ บางจากฯ ยังได้ส่งเรือขจัดคราบน้ำมัน ศรีธารารักษ์ 8 เดินทางเข้าร่วมในภารกิจบรรเทาผลกระทบเหตุน้ำมันรั่ว บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือ จุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) จังหวัดระยอง โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ พนักงานปฏิบัติการกำจัดคราบน้ำมันจำนวน 10 คน เดินทางไปร่วมปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ด้วยตระหนักถึงความเร่งด่วนในแก้ไขสถานการณ์และด้วยความพร้อมในการสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ