EN

16 กันยายน 2565

Sustainable Aviation Fuel (SAF) อีกก้าวสำคัญในการลดโลกร้อน

ตอบโจทย์ BCG Economy Model รับซื้อน้ำมันใช้แล้ว จากการทำอาหารมาผลิต “เชื้อเพลิงเครื่องบินคาร์บอนต่ำ” ครั้งแรกในไทย

Sustainable Aviation Fuel (SAF) หรือเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อโลกยั่งยืน ที่จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมการบินลงได้ โดยเฉพาะเมื่ออุตสาหกรรมการบินวางแผนจะก้าวเข้าสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี ค.ศ. 2050

วันนี้ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอีกครั้ง ด้วยการร่วมกับพันธมิตรอย่างบริษัท ธนโชคออยล์ ไลท์ จำกัด และ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือ SAF จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร (Used Cooking Oil) ด้วยงบลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาทโดย SAF นั้นเป็นเชื้อเพลิงที่ภาคการบินทั่วโลกสามารถนำมาใช้ทดแทนได้ทันทีโดยไม่ส่งผลต่อเครื่องยนต์

ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ BSGF เป็นผู้การผลิต“เชื้อเพลิงเครื่องบินคาร์บอนต่ำ” จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหารแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยและเป็นแห่งที่สองในภูมิภาคเอเชีย

ตอกย้ำความเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานด้วยธุรกิจ SAF ที่คาร์บอนต่ำลงกว่า 80%

ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมื่อถนนทุกสายมุ่งสู่ Net Zero ทุก ๆ อุตสาหกรรมต่างก็หาวิถีที่เหมาะสมกับตนเอง ตัวอย่างเช่น วงการแข่งรถอย่าง Formula 1 ก็เตรียมเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืน Sustainable Fuel 100% ในปี ค.ศ. 2026

สำหรับอุตสาหกรรมการบินนั้น SAF จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหารจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้กว่า 80% เทียบเท่าการบินด้วยเชื้อเพลิงการบินในปัจจุบัน โดยหน่วยผลิต SAF ที่ BSGF กำลังจะตั้งขึ้นคาดว่าจะพร้อมให้บริการอุตสาหกรรมการบินทั้งในและต่างประเทศในไตรมาส 4 ของปี ค.ศ. 2024 โดยเริ่มจากกำลังการผลิตเริ่มต้น 1 ล้านลิตรต่อวัน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางและขนส่งทางอากาศลงได้ราว 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สอดคล้องกับมาตรการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil AviationOrganization: ICAO) และสมาคมการบินระหว่างประเทศ (InternationalAir Transport Association: IATA)ที่สนับสนุนให้อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปีค.ศ. 2050”

BSGF
พร้อมขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการใช้ SAF รองรับแนวโน้มความต้องการใช้ที่สูงขึ้นทั่วโลก สอดคล้องตามที่ สหภาพยุโรปกำหนดสัดส่วนการผสม SAF ในน้ำมันอากาศยาน ที่จะบินเข้าสู่สนามบินในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี ค.ศ. 2050

ดีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมป้องกันการใช้น้ำมันซ้ำหรือทิ้งไม่ถูกที่

ธนวัฒน์ ลินจงสุบงกช กรรมการผู้จัดการบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการน้ำมันพืชใช้แล้ว ทั้งระบบทั่วประเทศไทยมากว่า 4 ทศวรรษ เล่าถึงการจัดการน้ำมันใช้แล้วจากการ ทำอาหารที่ธนโชคฯ รวบรวมมาว่ามาจาก แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ รายใหญ่ ๆ ในตลาด จากกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารที่ทำอาหาร หรือของขบเคี้ยวส่งออกกว่า 98% และ จากเครือข่ายที่ดูแลการรับซื้อน้ำมันพืช ใช้แล้วจากชุมชน ที่พักอาศัย ฯลฯ ครอบคลุม 77 จังหวัด ทั่วประเทศ รวมเป็นปริมาณ น้ำมันใช้แล้วทั้งสิ้นราว 17 ล้านลิตรต่อเดือน

“การผลิต SAF จะยิ่งส่งผลดี ต่อการรณรงค์เรื่องการรักษา สิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันการ นำเอาน้ำมันพืชใช้แล้วกลับมา ใช้ซ้ำหรือระบายลงพื้นที่สาธารณะหรือเทลงท่อน้ำทิ้งและแหล่งน้ำ ซึ่งจากนี้ไปธนโชคและกลุ่มบางจากฯ ในนาม BSGF ก็จะมีความร่วมมือในการรับซื้อน้ำมันใช้แล้ว จากการทำอาหารเพิ่มเติม เพื่อ นำมาผลิต SAF ต่อไป”

ส่งผลดีทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ BCG Economy Model อย่างครบวงจร

BSGF ยังได้รับการสนับสนุนด้านจาก ความชำนาญในการปฏิบัติการโรงงาน ไบโอดีเซล เทคโนโลยี และ วัตถุดิบ จากปริมาณ feedstock ที่มีเพียงพอ อย่างบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน)

“SAF จากน้ำมันใช้แล้วในการทำอาหาร ส่งผลดีทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ BCG Economy Model อย่างครบวงจร ซึ่งการร่วมลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบีบีจีไอในการมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี ค.ศ. 2050” กิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริม

การร่วมบรรเทาวิกฤตโลกร้อนในทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นเรื่องของทุกคน ความพร้อมในการผลิต SAF ผ่าน BSGF ในครั้งนี้จะช่วยสร้างระบบนิเวศรองรับความต้องการของ ผู้โดยสารทางอากาศอย่างเป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่ลดการปล่อยคาร์บอนฯ สู่ชั้นบรรยากาศ แต่ยังช่วยลดจัดการน้ำมันพืช ใช้แล้วอย่างเป็นระบบ ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และช่วยให้ทุก ๆ การเดินทาง สามารถเลือกใส่ใจโลกยั่งยืนกันได้ด้วย