กลุ่มบริษัทบางจาก มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม ด้วยกลยุทธ์องค์กร 4S
Security: สร้างความมั่นคงด้านพลังงานโดยให้ความสำคัญกับแหล่งต้นน้ำของพลังงาน
เป็นกลุ่มธุรกิจหลัก (Core Businesses) ของบริษัทฯ ที่สร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ โดยดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ ร่วมกันระหว่างกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน กลุ่มธุรกิจการตลาด กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ รวมไปถึงธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อจัดหา ผลิต และจัดจำหน่ายน้ำมันและเชื้อเพลิงชีวภาพให้เพียงพอกับความต้องการใช้ของ ภาคธุรกิจและประชาชน ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มปริมาณความต้องการด้านพลังงานโดยรวม ซึ่งถึงแม้ในอนาคตรถยนต์พลังงาน ไฟฟ้าจะมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น แต่ในปัจจุบันธุรกิจกลุ่มนี้ยังคงมีความจำเป็นต่อความต้องการด้านพลังงานของประเทศและยังคง เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือนกันยายน 2566 บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) ได้เข้าเป็นกลุ่มบริษัทบางจากส่งผลให้ บริษัทฯได้ถือสิทธิ์ในโรงกลั่นน้ำมันบางจากศรีราชา ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 174,000 บาร์เรลต่อวัน โดยบริษัทฯ มีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 294,000 บาร์เรลต่อวัน ช่วยสร้างความมั่นคงตามกลยุทธ์สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
Synergy: สร้างความร่วมมือเพื่อพลิกโฉมและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ
มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของกลุ่มบริษัทฯ และสอดคล้องกับหน่วยธุรกิจหลัก (S1) เช่น ธุรกิจขนส่ง น้ำมันและโลจิสติกส์ สาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน อาหารและเครื่องดื่ม และการทำเหมืองแร่ เพื่อเพิ่มรายได้และสร้างมูลค่าร่วมของพอร์ตโฟลิโอ โดยในปี 2565 บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด (BFPL) มีเป้าหมายและแผนขยายธุรกิจเพื่อรองรับระบบขนส่งเชื้อเพลิงครบวงจร และในปี 2566 บริษัทฯได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัทบางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) เป็นก้าวที่สำคัญในการยกระดับขีดความสามารถและศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และได้จัดตั้งบริษัทรีไฟเนอรี่ ออฟติไมซ์เซชั่น แอนด์ ชินเนอยี่ เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด เพื่อจัดทำแผนและให้บริการบริหารงานธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง ให้เกิดประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเกิดความคุ้มค่าทางเศษฐศาสตร์สูงสุด ผ่านการผสาน Synergy และพัฒนา Platform for Growth เพื่อความยั่งยืน การเข้าถึง และความมั่นคงด้าน พลังงานพร้อมขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
Sustainability: พัฒนาธุรกิจและต่อยอด Core Business ให้เติบโตและยั่งยืน
พัฒนาธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่ช่วยสนับสนุนหรือต่อยอด Core Business เดิมให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับ เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงในอนาคต รวมทั้งรองรับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก โดยเร่งขยายสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเป้าหมาย Net Zero/Carbon Neutrality มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจแบตเตอรี่ ลิเทียม เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ในอนาคต และธุรกิจเกี่ยวเนื่องผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (High Value Bio-Based) ผ่านการลงทุนในบริษัท Manus Bio Inc. ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกที่มีชื่อเสียงในฐานะผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงด้วยเทคโนโลยีชีวนวัตกรรมจากกระบวนการหมักขั้นสูง (Advanced Bio-fermentation) นอกจากนี้ยังอาศัยนวัตกรรมซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมผ่านสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) ซึ่งเน้นการ เสาะหาการลงทุนใน Startup และวิจัยพัฒนาร่วมกับหน่วยงานภายนอก เพื่อต่อยอดขยายธุรกิจพลังงานสีเขียวและธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ BBGI และบริษัท ธนโชค ออยล์ไลท์ จำกัด เพื่อดำเนิน ธุรกิจจัดหาวัตถุดิบ ผลิต และจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel.: SAF) จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว
โดยในปี 2566 บริษัทฯ ดำเนินการโดย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ได้เข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ 4 CCGT ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินการผลิตแล้ว 857 เมกะวัตต์ ประกอบไปด้วยโครงการ Carroll County Energy (CCE) ขนาด 341 เมกะวัตต์, South Field Energy (SFE) ขนาด 90 เมกะวัตต์, Liberty ขนาด 212 เมกะวัตต์ และ Patriot ขนาด 214 เมกะวัตต์ เพื่อต่อยอดธุรกิจไฟฟ้าให้เติบโตอย่างยั่งยืน
Scalability: สร้างความยืดหยุ่นมุ่งแสวงหาโอกาสและผลักดันธุรกิจใหม่ในอนาคต (New S-curves) เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว
มุ่งปฏิรูปกระแสรายได้ด้วยธุรกิจใหม่ในอนาคต (New S-curves) รองรับการเติบโตในระยะยาว โดยสามารถสร้างประโยชน์ใน วงกว้างให้กับองค์กร นอกจากนี้ ยังเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ ตลอด จนความผันผวนของสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจ
The 4S STRATEGY
บางจากฯ ได้ปรับปรุง และบูรณาการ วิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม และยุทธศาสตร์ 4S มาใช้ในกลยุทธ์ของแต่ละหน่วยธุรกิจ
เพื่อรักษาผลประกอบการในระดับสูงและ สร้างความสมดุลกับการเติบโตของธุรกิจ นำไปสู่การสร้างความหลากหลาย และการผนึกกำลังของพอร์ตโฟลิโอผ่าน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก พร้อมเร่งการสร้างพอร์ตโฟลิโอเศรษฐกิจสีเขียวใหม่ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ในปี ค.ศ. 2050 สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน พร้อมสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงทางพลังงาน มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำสังคมคาร์บอนต่ำ
กลยุทธ์ 4 GREEN ได้แก่
มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจด้านพลังานและนวัตกรรมสีเขียวที่สร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่แล้ว ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการนำนวัตกรรมสีเขียวต่างๆ (Green Initiatives) มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงจากสินค้าเกษตรกรรมโดยอาศัยนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ต่อยอดจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพเดิม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับธุรกิจพลังงานสีเขียวและการบริหารจัดการพลังงาน ฯลฯ ผ่านสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) ก่อให้เกิดธุรกิจ Startup นำมาต่อยอดให้กับธุรกิจของบริษัทฯ ได้ในอนาคต
มุ่งเน้นการยกระดับการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยโดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะ ทรัพยากรน้ำและพลังงาน มีระบบการจัดการตามมาตรฐาน ISO14001 ISO 50001 Green Industry (Green Network) Level 5 โดยกระทรวงอุตสาหกรรม และ Eco Factory จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีระบบการบริหารด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO 45001 และมีการยกระดับด้านการจัดการด้านความปลอดภัยกระบวนการผลิตด้วยระบบ Process Safety Management (PSM)
เป็นจุดหมายของการใช้ชีวิตของคนทุกช่วงวัยอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน มุ่งสู่การเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมสีเขียวผ่านสินค้าบริการ และธุรกิจ Non-Oi1 ในสถานีบริการน้ำมัน "บางจาก" เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางที่จะเติมเต็มความต้องการของลูกค้า และมุ่งสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยใช้สมรรถนะหลัก 1) ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสีย 2) จัดหา พัฒนา และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งผลิตภัณฑ์น้ำมัน,Non-Oil และงานบริการให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และ 3) ดำเนินธุรกิจร่วมกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน โดยมีกลยุทธ์สำคัญ คือ
- Greenovative Products เป็นผู้นำในการนำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูงที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วยน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 โดยปัจจุบัน ได้แก่ Bangchak Hi Premium 97 น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 97 ซึ่งสูงสุดในตลาด Bangchak Hi Premium Diesel S มีค่าซีเทนสูงสุดในกลุ่มดีเซลและ Bangchak E20 S EVO ที่เป็นน้ำมัน E20 คุณภาพสูง
- Network Management ขยายสาขาสถานีบริการและพัฒนารูปแบบสถานีบริการให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามุ่งเน้นพื้นที่ที่มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและสร้างผลประกอบการที่คุ้มค่าต่อการลงทุนให้พันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นการนำเทศโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ มาพัฒนาสถานีบริการ (Innovative Service Stations) สภาพแวดล้อมในสถานีบริการ และธุรกิจ Non-Oil รวมถึงพัฒนาสถานีบริการในรูปแบบ Unique Design Service Stations ที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค โดยแบ่งเป็น 6 รูปแบบ ได้แก่ Modern, Innovation, Easter, Western, Fantasy และ Thai-inspired นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการปรับปรุงมาตรฐานและภาพลักษณ์ของสถานีบริการให้พร้อมในการแข่งขันทั้งด้านโครงสร้างและงานบริการ ถือว่าเป็นอีกเป้าหมายหลักของกลุ่มธุรกิจการตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าเป็นสำคัญ
- Non-Oil Offerings พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่จับมือแบรนด์ร้านอาหารชั้นนำ/ร้านที่ได้มาตรฐานระดับมิชลิน (Michelin) เปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมัน เช่น ร้านส้มตำเจ๊แดงสามย่าน ร้านคั่วกลิ้งผักสด ร้านเย็นตาโฟนายอ้วนบะเต็ง ร้านกลัวยแขกพระราม 5 เป็นต้น เพื่อเดิมเต็มประสบการณ์การเข้าใช้บริการที่สถานีบริการน้ำมันของผู้บริโภคและสร้างรายได้ส่วนเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังมีการขยายธุรกิจ Non-Oil ในสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อความสะดวกของลูกค้า อาทิ ธุรกิจร้านกาแฟ ภายใต้แบรนด์ “อินทนิล" และร้านชานมไข่มุก DAKASI (ดาคาซี่) ซึ่งบริษัทบางจาก รีเทล จำกัด ได้รับสิทธิ์ขยายธุรกิจและบริหารสาขาในสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ และพันธมิตรทางธุรกิจที่ให้บริการร้านสะดวกซื้อแบรนต์ต่างๆ ได้แก่ "ท็อปส์ เดลี่" "แฟมิลี่มาร์ท" "มินิบิ๊กชี" และ "ลอว์สัน" เป็นต้น มีการบริหารจัดการพื้นที่ในสถานีบริการให้ครบวงจรยิ่งขึ้น เช่น ธุรกิจคาร์แคร์ ภายใต้แบรนด์ "FURiO Care" "Green Wash" "TYREPLUS" "Wizard" "Autoclik" และขยายสาขาร่วมกับพันธมิตร B-Quick รวมถึงกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซัก ธุรกิจขนส่งสินค้า และตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เป็นต้น
- Digital Experience นำเทคโนโลยีมาปรับปรุงงานบริการและสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า พร้อมทั้งพัฒนาระบบอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย สะดวกสบาย พร้อมเชื่อมโยง Ecosystem ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบ Digital Payment มาใช้สำหรับการชำระเงินพร้อมสะสมคะแนนสมาชิกในสถานีบริการน้ำมัน ร้านอินทนิลทุกสาขาและร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมัน โดยการสแกน QR Code เพื่อชำระเงินผ่าน Application ทุกธนาคาร ซึ่งช่วยลดการสัมผัสเงินสดและรักษาระยะห่างระหว่างลูกค้าและพนักงานผู้ให้บริการ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นต่อผู้ที่จะเข้ามาใช้สถานีบริการ พัฒนาระบบ Digital Card โดยลูกค้าสามารถสะสมคะแนนเพียงแค่บอกเบอร์โทรศัพท์ เมื่อใช้บริการที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก อินทนิล และธุรกิจในเครือบางจาก และแลกคะแนนผ่านแอปพลิเคชันบางจาก โดยไม่ต้องใช้บัตรรวมถึงการขยายฐานลูกค้และเพิ่มทางเลือกให้กับสมาชิกมากขึ้นผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เช่น โอนคะแนนบางจาก ไป เอไอเอสพอยท์, แลกแทนส่วนลด "บางจาก พอยท์เพย์" ใช้พ้อยท์ช่วยจ่ายได้แล้วที่ร้านค้าถุงเงิน, โอนคะแนนบางจากเป็นคะแนน MAAI, เปลี่ยนพอยท์เป็นกองทุน เป็นต้น
- Green Sustainability สร้างธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ ยังคงขับเคลื่อนโครงการสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมร่วมกับลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการช่วยเหลือสังคมต่างๆ เช่น โครงการเติมน้ำมันปันน้ำใจรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรและ/หรือสินค้านวัตกรรมจากเกษตรกรและผู้ประกอบการ SME มามอบให้กับลูกค้าที่มาเติมน้ำมัน, โครงการผักสวนครัวไร้สารในสถานีบริการฯ โดยนำไปแจกจ่ายให้กับพนักงานให้บริการเพื่อลดภาระค่าอาหาร และต่อยอดเป็นของแทนคำขอบคุณให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ รวมถึงได้นำความรู้ในการปลูกผักสวนครัวไปแลกเปลี่ยนความรู้ให้กับชุมชนและโรงเรียนรอบสถานีบริการบางจากรวมถึงโครงการ "ทอดไม่ทิ้ง" ที่มีการเปิดรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วที่สถานีบริการบางจากที่ร่วมโครงการ ไปผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืนที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงร้อยละ 80 เทียบกับน้ำมันอากาศยานแบบเดิม
บริษัทฯ รักษาสมดุลในการดำเนินธุรกิจโดยมีพื้นฐานจากการรักษาสมดุลระหว่างคุณค่าและมูลค่า สู่การรักษาสมดุลของ ความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประการ (Energy Trilemma) เพื่อขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานด้วยเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 ตลอดจนการรักษาสมดุลในการเป็นองค์กรที่เปี่ยมด้วยจรรยาบรรณที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการกำกับดูแลธุรกิจที่ดี (ESG) ถ่ายทอดมาสู่แผนงาน BCP316NET โดยแผนงาน C: Conserving Nature and Society อนุรักษ์ธรรมชาติควบคู่กับการดูแลสังคม และแผนงาน NET : Net Zero Ecosystem ส่งเสริมระบบนิเวศ Net Zero Ecosystem ในสังคมไทย
แผนงาน C: Conserving Nature and Society
ตามเป้าหมายในสัดส่วนร้อยละ 10 ของปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร แสวงหาความ ร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาโครงการคาร์บอนเครดิตจากป่าไม้และเกษตร เพื่อกระจายความเสี่ยงของโครงการ และกระจายผลประโยชน์จากโครงการให้ครอบคลุมสิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้เสียในสังคม โดยกำหนดรูปแบบ การพัฒนาเป็นระบบนิเวศบกและทะเล (Green and Blue Carbon) และภาคการเกษตร มีรายละเอียดคือ การปลูกป่าบก การอนุรักษ์ป่าชุมชน การปลูก-อนุรักษ์ป่าชายเลน การศึกษาแหล่งหญ้าทะเล และการพัฒนา โครงการคาร์บอนเครดิตจากพืชเกษตรยืนต้น
แผนงาน NET : Net Zero Ecosystem
ส่งเสริมระบบนิเวศ Net Zero Ecosystem ในสังคมไทยการเตรียมพร้อมประเทศไทยสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2593 และ Net Zero GHG Emissions ภายในปี 2608 ยังเป็นเรื่องใหม่ของสังคมไทย บริษัทฯ จึง ขับเคลื่อนงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อเตรียมพร้อมให้ผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกองค์กรมีความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ เพื่อสร้างความตระหนักถึงการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกของประเทศทั้งระดับบุคคล ชุมชน SMEs องค์กรธุรกิจและสาธารณชนผ่านกลไก Carbon Markets Club/ กิจกรรม/ โครงการต่งๆ เช่น โครงการลดขยะจาก ต้นทาง เครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อน สินค้าชุมชนข้าวลดโลกร้อน รักษ์ปันสุขจูเนียร์ และสร้างประสบการณ์ตรงให้กับผู้บริโภคจากการใช้สินค้าและบริการของบริษัทฯ อีกด้วย เช่น วินโนหนี้ โครงการทอดไม่ทิ้ง ที่รวบรวมน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืนระดับชุมชนใกล้โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง บริษัทฯ ยังคงรักษาความไว้วางใจจากชุมชนรอบข้างไว้ได้อย่างดีเพื่อสะท้อนถึงความเป็นมิตร ความเป็นประโยชน์ และเชื่อมั่นในความปลอดภัยผ่านกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์และคุณภาพชีวิตทั้ง 8 ด้าน โดยในปี 2566 มีผลลัพธ์ของคะแนนความผูกพันของชุมชนต่อโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง (Community Engagement Score) สูงถึงร้อยละ 89 นอกจากนี้ ยังขยายแนวทางดำเนินงานไปสู่การกำหนดกระบวนการดูแลชุมชนเพื่อนบ้านใกลัสถานีบริการน้ำมันบางจากอีกด้วย เพื่อสะท้อนความเป็นต้นแบบสถานีบริการน้ำมันที่ปลอดภัย มีคุณภาพ เป็นต้นแบบด้านสิ่งแวดล้อมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม