EN

22 สิงหาคม 2568

Rejuvenating Life

คอลัมน์ Everlasting Economy: Regenerative Reflections สิงหาคม 2568 โดย ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ยังจำกันได้ไหมครับว่า ตอนเด็ก ๆ เราจะเฝ้าคอยวันเกิดของเราในแต่ละปี เพราะจะเป็นวันพิเศษที่จะมีของขวัญมากมาย แล้วแถมยังได้เป่าเทียนบนเค้กวันเกิด ท่ามกลางครอบครัวหรือเพื่อน โดยก่อนเป่าเทียนก็จะ make a wish หรืออธิษฐานขอให้สอบได้ที่หนึ่ง หรือไม่ก็ขอของขวัญชิ้นโต ๆ พอโตขึ้นมาหน่อย ความตื่นเต้นก็ลดลง มีการจัดงานกับเพื่อนฝูงบ้าง แต่อาจไม่ครื้นเครงเหมือนสมัยเด็ก ๆ จนเมื่ออายุเข้าสู่วัยใกล้เกษียณ หลายคนเริ่มไม่ค่อยอยากนับวันเกิดเท่าไหร่ เพราะรู้สึกเหมือนกำลังนับถอยหลังอายุที่เหลือ จนต้องปลอบใจตัวเองว่า ’อายุุเป็นเพียงตัวเลข’

ซึ่งในวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ มีการศึกษาและยืนยันว่า ‘อายุเป็นเพียงตัวเลข’ นั้นเป็นเรื่องจริง เพราะอายุขัยตามปฏิทิน หรือ chronological age นั้น เป็นเพียงจำนวนปีที่เรามีชีวิตอยู่ แต่ไม่ได้สะท้อนสภาพร่างกายจริง ว่าชีวิตได้มีการ aging หรือมีเวลาที่ได้บ่มเพาะ ผจญโลกใบนี้มานานเท่าไหร่ ในขณะที่การที่เราจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีหรือแข็งแรงนั้น ได้มีการค้นพบสิ่งที่เรียกว่า biological age หรืออายุขัยทางชีวภาพ คืออายุของร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย โดยวัดจากระดับความเสื่อมของโปรตีน ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของอวัยวะในร่างกายของเรา ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากการตรวจเลือด

มนุษย์มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะยืดอายุขัยมาตั้งแต่โบราณ ตั้งแต่การกินยาอายุวัฒนะ จนถึงการกินอาหารประเภทธัญพืช การออกกำลังกาย รวมถึงการฉีดสเต็มเซลล์ในปัจจุบัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นความเชื่อ แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นผลวิจัยทางการแพทย์ ในปัจจุบัน นักวิจัยพยายามหาตัวชี้วัดที่จะช่วยบ่งบอกถึง longevity หรืออายุขัยของคน และพบว่าสิ่งสำคัญคือการวัด biological age ของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เพราะอวัยวะของคนเดียวกันอาจจะมีอายุทางชีวภาพไม่เท่ากัน ในบางกรณี เราจึงเห็นผู้ป่วยนอนติดเตียง เพราะอวัยวะบางส่วนได้ตายหรือหยุดทำงานไปแล้ว ในขณะที่ส่วนอื่นยังทำงานอยู่

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาข้อมูลจากเลือดของกลุ่มตัวอย่างกว่า 45,000 ราย เพื่อทำการวิจัยถึงความเสื่อมของโปรตีนในอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย หรือประเมินอายุชีวภาพของอวัยวะ 11 ส่วน ได้แก่ สมอง หัวใจ กล้ามเนื้อ ปอด ตับ ไต ตับอ่อน เส้นเลือดใหญ่ ระบบภูมิคุ้มกัน (immune system) ลำไส้ และไขมัน พบว่า การเสื่อมสภาพของอวัยวะที่มีผลต่ออายุขัยของคนมากที่สุดคือสมอง รองลงมาคือระบบภูมิคุ้มกัน

จากการศึกษาโดยนักวิจัยกลุ่มนี้ยังสามารถบ่งชี้ได้ว่าอายุชีวภาพของสมอง (ไม่ใช่อายุสมองที่เราชอบล้อกันนะครับ) จะแก่เร็วกว่าอายุปฏิทินหรือไม่อย่างไร เพราะถ้าแก่เร็วกว่า ก็จะเพิ่มโอกาสที่จะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกัน เช่น อัลไซเมอร์ ได้เร็วขึ้น ข้อมูลจากการวิจัยพบว่า ผู้ที่มีอายุชีวภาพของสมองแก่กว่าอายุปฏิทินประมาณ 10 ปี มีโอกาสเป็นอัลไซเมอร์มากกว่าผู้ที่มีอายุสมองอ่อนกว่าอายุปฏิทินถึง 12 เท่า และมีความเสี่ยงเสียชีวิตภายใน 15 ปีข้างหน้าสูงถึง 182% (ไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่าเขาคำนวณอย่างไร ถึงเกิน 100% ได้) ฉะนั้น พวกเราคงต้องบริหารสมองและไม่ให้สมองแก่เร็วกว่าอายุปฏิทินได้นะครับ

การวัด biological age เป็นอีกก้าวสำคัญในทางการแพทย์ทางเลือก และยังสามารถต่อยอดได้ เมื่อเราสามารถตรวจวัด biological age ของอวัยวะต่าง ๆ ผ่านการตรวจเลือดได้ ก็ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยอาการของเริ่มแรกของโรคได้เร็วขึ้นและแม่นยำมากขึ้น ส่งผลให้สามารถป้องกันหรือรักษาได้ก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะวิกฤต จึงไม่น่าแปลกใจที่แพทย์แผนทางเลือกจะเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น

ผมเคยเขียนถึงการเดินกับอายุขัยของคน ครั้งนี้ขอเสริมในเรื่องความเชื่อที่ว่า การเดิน 10,000 ก้าวต่อวันทำให้อายุยืน ที่มีที่มาจากนักการตลาดของญี่ปุ่นเมื่อกว่า 60 ปีก่อนเพื่อขาย pedometer หรือเครื่องนับก้าว ซึ่งได้มีนักวิจัยจากออสเตรเลียกลุ่มหนึ่งนำประเด็นดังกล่าวมาศึกษากับกลุ่มตัวอย่างกว่า 160,000 คน พบว่า คนที่ก้าวเดินเฉลี่ย 7,000 ก้าวต่อวัน ช่วยลดความเสี่ยงโรค NCD (Non-Communicable Diseases หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรโลก) เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวานประเภท 2 และสมองเสื่อม ได้ประมาณ 47% เมื่อเทียบกับคนที่เดินเพียง 2,000 ก้าว (ค่าเฉลี่ยของคนทำงานออฟฟิศ) ในขณะที่คนที่เดิน 10,000 ก้าวต่อวันนั้น ความเสี่ยงจะลดลงประมาณ 48% ซึ่งจะเห็นได้ว่าระหว่างการเดิน 7,000 ก้าวกับ 10,000 ก้าวต่อวันนั้น ไม่มีผลต่างมากมาย อย่างไรก็ตาม ถ้าเดินเฉลี่ยถึง 12,000 ก้าว ความเสี่ยงดังกล่าวจะลดลงถึง 55%

ถ้าเราอยากมีอายุยืนแบบมีสุขภาพที่ดี ไม่ต้องนอนติดเตียง ก็ต้องดูแลอายุชีวภาพของสมองให้ดี ด้วยการพักผ่อน นอนให้พอ หรือไปตากอากาศ และเลี่ยงโรค NCD ด้วยการเดิน 5,000 – 7,000 ก้าวต่อวัน ซึ่งจะทำให้เรา rejuvenate ตัวเองได้ดียิ่งขึ้นอีก และเราก็จะรู้สึกกลับไปเป็นหนุ่มสาวใหม่อีกครั้งหนึ่ง เหมือนโฆษณาของสถาบันการเงินจากยุโรปที่บอกว่า “Sixty is the New Forty” - หกสิบในวันนี้ ก็เหมือนสี่สิบในวันวาน ขอให้ผู้อ่านทุกท่านสุขภาพแข็งแรงครับ