ปี 2562 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่มีความท้าทายต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท บางจากฯ อันเป็นผลจากความผันผวนของสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ธุรกิจน้ำมันอยู่ในช่วงขาลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ด้วยกลยุทธ์ธุรกิจ 3S (Security, Stability, Sustainability) และกลยุทธ์ความยั่งยืน 4G (Green Business, Green Production, Greenovative Experience, Green Society) ทำให้บริษัทฯ สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวได้ แม้ผลการดำเนินงานของ กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้และกำไรที่ลดลง แต่ธุรกิจการตลาดมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในตลาดค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 และมีส่วนแบ่งการตลาดปี 2562 อยู่ที่ร้อยละ 16 กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้ามีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมีปริมาณการผลิต B100 และเอทานอลเพิ่มขึ้น ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ บริษัทร่วม OKEA ASA มีการผลิตและจำหน่ายใกล้เคียงกับแผน รวมทั้ง OKEA ASA มีการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ที่ตลาดหลักทรัพย์ประเทศนอร์เวย์
1. Green Business:
การลงทุนและสร้างมูลค่าให้กับกิจการอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบด้วยการลงทุนในธุรกิจพลังงานสีเขียว ซึ่งเป็นธุรกิจที่ดีกับสิ่งแวดล้อมและรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงตาม Mega Trend ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีเป้าหมายเป็นกลุ่มบริษัทที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตํ่า
2. Green Production:
ความปลอดภัยโดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะทรัพยากรน้ำและพลังงาน โดยในปี 2562 ได้มีสถิติการกลั่นเฉลี่ย ทั้งเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 123,500 บาร์เรลต่อวันในเดือนกันยายน รวมทั้งบริษัทฯ เป็นรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการ รับรองมาตรฐาน ISO 50001:2018 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถด้านการจัดการพลังงานสู่มาตรฐานสากล ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมีการจัดการและลงทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานภายใต้โครงการ Rocket Project ส่งผลให้โรงกลั่นมีการใช้พลังงานในหน่วยการผลิตลดลงและดีกว่าเป้าหมาย รวมทั้งดัชนีชี้วัดการใช้พลังงาน (Energy Intensity Index) ดีกว่าเป้าหมาย นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างหอเผาระบบปิด (Enclosed Ground Flare) ซึ่งเป็นโครงการที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมรอบโรงกลั่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายใต้การเป็นโรงกลั่นสีเขียวที่ทันสมัย คาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปี 2563 สำหรับการใช้ทรัพยากรน้ำ บริษัทฯ ได้ผ่านมาตรฐานการรับรอง Water Footprint ของผลิตภัณฑ์รวม 6 ประเภท จากการจัดทำ Water Management ผ่าน Program Water Footprint of Product และเป็นโรงกลั่นน้ำมันแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองการบริหารจัดการน้ำด้วยกระบวนการ Water Footprint of Product เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการผลิต ทั้งนี้จากการที่บริษัทฯ ยังคงดำเนินมาตรการลดปริมาณการใช้น้ำและลดปริมาณน้ำทิ้งสู่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2562 โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ สามารถลดปริมาณการใช้น้ำได้ถึงร้อยละ 31 ของน้ำใช้ทั้งหมด
3. Greenovative Experience:
มุ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์และนวัตกรรมสีเขียว ที่รองรับวิถีชีวิตยุคใหม่ของคนไทยที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีส่วนร่วมในการ ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อาทิ
4. Green Society:
บริษัทฯ มีการจัดงานสัมมนาสิ่งแวดล้อมประจำปี เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการปรับเปลี่ยนและรองรับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในปี 2562 ได้จัดในหัวข้อ “ชีวนวัตกรรม ศาสตร์เปลี่ยนโลก” นำเสนอมุมมองแสดงข้อมูลและผลิตภัณฑ์จากชีวนวัตกรรม Synthetic Biology (SynBio) การนำนวัตกรรมมาสร้างสิ่งมีชีวิต (Living Organisms) เป็นการบูรณาการความรู้ด้านชีววิทยา เทคโนโลยี และวิศวกรรมเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ปัญหาด้านทรัพยากรให้กับโลกและพัฒนาสิ่งใหม่ ลดการใช้วัตถุดิบจากทรัพยากรธรรมชาติ ลดขั้นตอนกระบวนการผลิต ลดการปล่อยของเสีย ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดต้นทุนในกระบวนการผลิต นับเป็น Disruptive Technology หรือเทคโนโลยีที่เปรียบเสมือนเครื่องมือในการออกแบบอนาคตที่มีความยั่งยืน ซึ่งบริษัทฯ ได้ประกาศจัดตั้ง SynBio Academy ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนจากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจชีวนวัตกรรม ในประเทศไทยผ่านการอบรม การจัดประชุม การให้ข้อมูลต่อไปบริษัทฯ คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน จึงนำนวัตกรรมตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้เพื่อลดปัญหาขยะพลาสติกในธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ โดยเชิญชวนคนไทยร่วมโครงการ “ลดขยะต้นทางกับบางจาก” ด้วยการรณรงค์ให้ลูกค้านำแก้วส่วนตัวมาซื้อเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟอินทนิล และเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ทำมาจากผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ย่อยสลายได้ พร้อมเปลี่ยนฝาแก้วมาเป็นฝาแบบยกดื่มไม่ต้องใช้หลอด ทำให้สามารถลดการใช้แก้วพลาสติกธรรมดาเป็นแก้วย่อยสลายไบโอคัพรวมกว่า 60 ล้านใบโครงการต่อเนื่องอีกโครงการคือ “แก้วเพาะกล้า” ซึ่งบริษัทฯ ร่วมกับกรมป่าไม้ นำแก้วเครื่องดื่มอินทนิลใช้แล้วซึ่งย่อยสลายได้มาใช้เพาะกล้าไม้แทนถุงเพาะชำพลาสติก สำหรับลูกค้าที่เติมน้ำมัน บริษัทฯ เชิญชวนให้นำขวดน้ำดื่ม PET ใช้แล้ว มาร่วมโครงการ “รักษ์ ปัน สุข” ที่จัดกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยนำขวดน้ำดื่ม PET ที่ใช้แล้วไปผ่านกระบวนการรีไซเคิลผลิตเป็นเส้นใยนำไปผลิตเสื้อ กระเป๋า หมวก เพื่อนำไปมอบให้เป็นสาธารณประโยชน์ โดยได้ส่งมอบขวด PET เพื่อนำไปรีไซเคิลแล้วกว่า 600,000 ขวด ส่วนแกลลอนน้ำมันหล่อลื่น บริษัทฯ มีโครงการ “Greenovative Lube Packaging” รวบรวมแกลลอนน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ที่ใช้แล้วไปรีไซเคิลเป็นเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษเพื่อใช้ผลิตแกลลอนน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยลดขยะแกลลอนน้ำมันหล่อลื่นได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านใบในโอกาสที่บริษัท บางจากฯ กำลังก้าวสู่ปีที่ 36 ของการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ มีเป้าหมายเป็นผู้นำพลังงานสีเขียวครบวงจรในภูมิภาค โดยใช้นวัตกรรมเป็นตัวนำ พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม และด้วยผลดำเนินงานทั้ง 3 มิติ คือ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ในปี 2562 นี้ นับเป็นส่วน หนึ่งที่ทำให้มั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์ธุรกิจ 3S และกลยุทธ์ความยั่งยืน 4 Green จะยังคงนำพาบริษัทฯ มาสู่ทิศทางของความยั่งยืน ทั้งในด้านการพัฒนาธุรกิจ การสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น และการสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมซึ่งเป็น DNA ของพวกเราชาวบางจากฯ